เริ่มจากตัวเอกของเรื่องก็คือแม่หญิงดวงแก้ว แล้วก็ หมวดโอปอ
น้ำตาลแสดงให้เห็นว่าตัวละครสองคนนี้ “เป็นคนละคนอย่างแจ่มแจ้ง”
เป็นเชื่อเลยว่านี่แหละเป็นโอปอแล้วก็โน่นเป็นดวงแก้ว
พิจักขณา เธอ “เหน็ด” แต้ๆดก
ถัดมาพ่อหมอที่อโยธยา แรกๆก็บางทีอาจขัดหูขัดตาที่จังหวะจะโคนยืดยาด
แม้กระนั้นพอลองติดตามดูแล้วก็จะพบว่านี่เป็น “หลวงยารักษาโรควรเวช” จริงๆไม่ใช่สหาย-คณิณ
แล้วก็ยิ่งเจอรอยยิ้มซื่อๆตามแบบฉบับชาวเมืองศรี ก็ยิ่งซ้ำเติมว่า “นี่มันไม่ใช่การแสดง” แม้กระนั้นเป็นผู้ที่มีตัวตนจริงๆ
ส่วนพระเอกอีกคนอย่างกระทิง แรกๆก็ขัดหูขัดตาเพราะยังดูไม่ค่อยเนียนเยอะแค่ไหน
แม้กระนั้นบทบู๊ทำให้เชื่อว่า “นี่แหละเป็นตำรวจ” แล้วก็ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์บวกกับรอยยิ้มที่บากบั่นจะแอ๊วดวงแก้วทุกเมื่อ
แม้กระนั้นดูท่าจะเป็นคนขี้ร้อนมองเห็นเหงื่อออกทุกซีนเลยเสื้อผ้าเปียกหมด -___-
พวกเราชอบซีนบู๊ทุกซีน มันเท่มาก งามมาก แล้วก็โอเคมาก
พี่หมอแล้วก็โอปอทำได้ดีจนกระทั่งบางทีอาจแปลงเป็นมาตรฐานซีนบู๊ของช่องไปเลยก็ได้
เพราะเหมือนกับดูหนังใหญ่เลย แล้วก็ทำให้เชื่อว่าต่างหากที่เป็นตัวละครในความเป็นจริงๆที่หลุดออกมาจากโลกนิยาย
สรุปก็คือเรื่องนี้ทำให้พวกเราเชื่อว่ามันไม่ใช่การแสดง
เพราะทั้งท่าทาง น้ำเสียง อาการ แล้วก็ความละเอียดของบทละคร ที่มีที่ติเตียนน้อยมาก จนกระทั่งไม่ต้องการที่จะอยากจะจับผิดอะไร
ขอยกย่องดาราแล้วก็คณะทำงานมากจริงๆที่รังสรรค์ละคร “โคตะระดี” อย่างนี้มาให้เราหลงเพ้อละเมอหาแม้กระนั้นตัวละครกันไม่เว้นวันแล้ววันเล่า