liverpool 3 - VARออกฤทธิ์ออกเดช!! สิ่งที่ต้องการบอกข้างหลังลิเวอร์พูลเสีย2แต้ม

VARออกฤทธิ์ออกเดช!! สิ่งที่ต้องการบอกข้างหลังลิเวอร์พูลเสีย2แต้ม

liverpool 1 - VARออกฤทธิ์ออกเดช!! สิ่งที่ต้องการบอกข้างหลังลิเวอร์พูลเสีย2แต้ม
2 ประตูของ ลิเวอร์พูล ถูก VAR ยึดคืน ก่อนที่ VAR จะบรรจงมอบจุดลูกโทษที่ 2 ให้ ไบรท์ตัน ตีเสมอซะอย่างงั้น !!!

1. เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดทีมแบบไม่เต็มสูบสักเท่าไหร่ในระบบ 4-2-3-1 โดย โฌแอล มาติ๊ป ดันมาหายตัวไปอีกคนจนจะต้องเอาดาวรุ่งอย่าง เนโก วิลเลี่ยมส์ กับ แน็ตต์ ฟิลลิปส์ ลงตัวจริง
ทาคูไม่ ไม่นามิโนะ ได้ลงในตำแหน่ง ‘หน้าต่ำ’ เพื่อให้ โรกางร์โต้ ฟีร์ไม่โน่ เป็นหน้าเป้า ขนาบด้วย โม ซาล่าห์ และก็ดิโอโก โชต้าส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ซาดิโอ มาเน่ ถูกขังไว้ในซุ้มม้านั่งสำรองก่อน
แม้ว่าจะไม่สมประกอบ แม้กระนั้นด้วยคุณภาพและก็มาตรฐานที่สูงกว่าก็น่าจะ ‘เอาอยู่’ นะครับ ว่าแล้วพรรคพวกหงส์ก็เริ่มต้นในช่วง 10 นาทีแรกได้เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

2. ไบรท์ตัน เป็นทีมที่เล่นได้แบบ ‘มีทรง’ อยู่แล้วนะครับ โดยจะใช้การเซ็ตบอลจากในดินแดนตัวเองพลางต่อบอลและก็ทำชิ่งกันฟาดฟันกับคู่ปรปักษ์
ข้างหลังตั้งหลักได้ พวกเขาก็เริ่มครอบครองบอลได้มากขึ้น ก่อนใช้จังหวะฉาบฉวย เช่นการวางตัดข้างหลังแบ็คเข้าโจมตี ลิเวอร์พูล ที่แนวรับมองหละหลวมๆและก็มีช่องว่างเข้าโจมตี
เจ้าถิ่นเล่นกันได้ดีเลยทีเดียว การรับส่งบอลแม่นยำทั้งสั้นและก็ยาว แม้กระนั้นปัญหาที่อยู่คู่ทีมนวลนางดินแดนใต้มาตลอดเป็นไม่มีความเด็ดขาด
บ่อยมากที่เล่นดีได้โอกาสแล้วดันปล่อยให้ผ่านไปในอวกาศ ขนาดได้จุดลูกโทษ และก็ได้โอกาสขึ้นนำก่อน ยังอุตส่าห์เอามันไปเขวี้ยงทิ้งลงโถส้วมเลยขอรับคุณ

3.เวลาเดียวกันมันเป็นเกมที่ ลิเวอร์พูล เล่นได้ต่ำลงมากยิ่งกว่ามาตรฐานของตนเอง แบ็คขวาอย่าง เนโก วิลเลี่ยมส์ เปลี่ยนเป็นข้อด้อย ดินแดนกลางก็ขับเคลื่อนเกมไม่ถนัดนัก ไม่นามิโนะ ในตำแหน่งเลขลำดับ 10 ก็ธรรมดาเหลือเกิน ไม่มีทีเด็ด เกมรุกมองพองๆและก็ปราศจากความดุเดือด แถมหาจังหวะจบสกอร์ได้น้อยไปหน่อย
แม้กระนั้น ด้วยความไม่เฉียบคมของ ไบรท์ตัน ทำให้พวกเขาถูกลงโทษ เพราะได้โอกาสแล้วทำไม่ได้เอง ท้ายที่สุดเสียประตูให้ลิเวอร์พูลจนได้

4. เมื่อ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แม้ว่าจะโชว์ฟอร์มกันได้ไม่ไฉไลสักเท่าไหร่ แม้กระนั้นเกมรุกของเจ้าของบ้านก็ไม่มีประสิทธิ์ภาพเพียงพอ
แม้กระนั้นคนใดกันจะไปทราบว่า VAR จะออกฤทธิ์ !!!
จุดลูกโทษของ ไบรท์ตัน มาจากจังหวะที่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ไปหวดเท้าของ ดินแดนนี่ เวลเบ็ค
เท่าที่มองเห็นจากภาพช้า นักเตะที่เด็กหงส์เรียกว่า ‘ร็อบโบ้’ มิได้เจตนาทำฟาวล์อย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่ซ้ำในจังหวะนั้น ‘ท่านมหาเทพ’ ก็ไม่น่าจะครอบครองบอล หรือเกี่ยวบอลไปหาจังหวะทำคะแนนได้ซะด้วย
ตามคอมม่อนเซ้นส์ – ไม่น่าจะเป็นจุดลูกโทษนะครับ
หรือเปล่าให้ก็อาจไม่มีใครว่า
แต่ผู้ผดุงความถูกต้องอย่าง VAR กลับไม่ยินยอมปล่อยผ่าน แล้วให้ผู้ตัดสินไปดูเองอีกรอบ
ผมก็มองดูเหมือนเด็กหงส์โดยมากนั่นแหละขอรับว่าไม่น่าจะเป็น ‘จุดลูกโทษ’ นะ
อ้าว…แล้วเพราะอะไร ผู้ตัดสินถึงทะลึ่งให้เป็นจุดลูกโทษล่ะ ???
เหตุผลที่ผมเพียงพอจะเอามาอธิบายได้ในที่นี้ เป็น…ท่านตุลาการสนามวินิจฉัยแบบ ‘เถรตรง’ ตามกฏกติกามากเกินความจำเป็นหน่อย

liverpool - VARออกฤทธิ์ออกเดช!! สิ่งที่ต้องการบอกข้างหลังลิเวอร์พูลเสีย2แต้ม

คิดง่ายๆแบบนี้ขอรับ เป็นถ้าสถานะการณ์นี้เกิดขึ้นนอกกรอบจุดโทษ มันเป็นการฟาวล์ไงขอรับ เพราะเท้าของ โรเบิร์ตสัน หวดไปโดนเท้าของ เวลเบ็ค โดยมิได้สัมผัสบอล
ถ้าเอาตามกฏมันก็ฟาวล์ ถ้าหากขึ้นนอกเขตก็เป็นฟรีคิก ถ้าหากขึ้นในเขต ก็เป็นจุดลูกโทษ ตามหลัก ‘นิติศาสตร์’
แม้กระนั้นถ้าใช้หลัก ‘วิชารัฐศาสตร์’ หรือมี ‘ศิลปะ’ สำหรับเพื่อการวินิจฉัย แม้กระทั่ง เวลเบ็ค ไม่โดนสกิดจังหวะนั้นก็ทำคะแนนมิได้หรอก บอลล้นหนีเขาไปตั้งแต่จังหวะแรกแล้ว

5. เว้นแต่โทษความเถรตรงเหลือเกินของการวินิจฉัย รวมทั้งความเฮงซวยของ VAR แล้ว ลิเวอร์พูล อาจต้องโทษตัวเองด้วยที่เล่นไม่ค่อยดีนัก และก็ทำประตูที่ 2 เพิ่มไม่เป็นผลสำเร็จ
กระนั้นยังขอยกตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ให้ VAR นี่แหละ สมแล้วที่โดนทัวร์ลงไปตามระเบียบกฎเกณฑ์ แถมทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มิได้เกี่ยวโยงอะไรยังจะต้องมาโดนหางเลขไปด้วย